ยาทารักษาฝ้าที่ใช้กันแพร่หลาย
1. ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone)
เป็นยาทาฝ้ากลุ่มยาลดการสร้างเม็ดสี เป็นยารักษาฝ้าที่ใช้บ่อยที่สุด ทำให้สีผิวจางลงชั่วคราว มีอยู่ทั้งในรูปครีม และในรูปสารละลายในแอลกอฮอล์ ใช้ทาฝ้าบางๆ วันละ 1-2 ครั้ง ซึ่งการใช้ยาตัวนี้อาจทำให้ผิวไวต่อแสงมากขึ้นสำหรับสตรีมีครรภ์ยังไม่มีการยืนยันความปลอดภัย ของการใช้ยาไฮโดรควิโนน
ขณะนี้ประเทศไทยถือว่าไฮโดรควิโนนทุกระดับความเข้มข้นจัดเป็นยา ต้องให้แพทย์สั่งจ่ายเท่านั้น อีกทั้งมีการเพิ่มประสิทธิภาพของยาโดยมียาทาฝ้าสูตรผสมที่เพิ่มกรดวิตามินเอ และสเตียรอยด์ลงไป
ข้อควรระวัง ก่อนใช้ยาอาจทดสอบโดยทาผิวที่ไม่มีรอยแตก หากเกิดอาการคัน มีตุ่มน้ำใส และ/หรือผิวอักเสบแดง ไม่ควรใช้ยา การทายาทุกครั้งต้องระวังไม่ให้สัมผัสนัยน์ตา นั่นคือให้ใช้เฉพาะใบหน้า คอ มือ หรือแขน
ห้ามใช้ยาเพื่อป้องกันผิวไหม้แดด มีบางราย (พบน้อย) ฝ้าอาจเข้มขึ้นเป็นสีดำและน้ำเงิน ก็ให้หยุดยาทันทีเช่นกัน ผลแทรกซ้อนของยาทาฝ้าตัวนี้คือทำให้เกิดผื่นแพ้สัมผัส ปฏิกิริยาแพ้แสงแดด ที่อาจมีผื่นผิวหนังเป็นรอยดำหลังการอักเสบตามมา และที่พบได้ยากคือฝ้าถาวร ซึ่งพบในคนดำที่ใช้ยาความเข้มข้นสูงทาต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน
การใช้ยาทาฝ้าสูตรนี้ติดต่อกันนาน 4-6 เดือน ถ้า ฝ้าไม่จางลงให้หยุดทายาทันที ห้ามใช้ยาที่มีส่วนผสมของ monobenzyl ether of hydroquinone และ monomethyl ether of hydroquinone เพราะทำให้เกิดรอยด่างถาวร
นอกจากนั้นห้ามใช้สารปรอทแอมโมเนียรักษาฝ้า สารเหล่านี้มักตรวจพบในเครื่องสำอางปลอม พิษสะสมทำให้เกิดอาการแพ้ เป็นผื่นแดง ผิวหน้าดำ ผิวบางลง และเกิดพิษสะสมของปรอท ทำให้ทางเดินปัสสาวะอักเสบ และไตอักเสบ
No comments:
Post a Comment